utubets.com

YouTube transcript

Is it Better to Walk or Run in the Rain?

Languages available: ar ca zh-Hans zh-TW cs da nl en eo fi fr gl de el iw id it ja ko fa pl pt-BR pt-PT ro sr sk es-MX sv th tr vi

transcript:
ในวันหนึ่งที่ฝนตก แล้วเผอิญคุณลืมเอาเสื้อกันฝนหรือร่มมา แล้วคุณอยากจะ ฝ่าฝนโดยให้ตัวเปียกน้อยที่สุด... คุณจะเดินฝ่าไปช้า ๆ แต่จะต้องตากฝนเป็นเวลานาน หรือว่า ควรจะรีบวิ่ง แต่ก็ต้องแลกกับการถูกฝนสาดจากด้านหน้า สมมุติว่าคุณยังไม่เปียกโชกตั้งแต่แรก และคุณไม่ได้กระโดดลงใส่แอ่งน้ำที่ไหนอีก เรื่องนี้สามารถอธิบาย ได้ไม่ยากนัก... เมื่อคุณขยับตัวออกจากเม็ดฝนเม็ดหนึ่ง คุณจะถูกเม็ดฝนอีกเม็ดหนึ่ง ตกใส่แทน ดังนั้น ปริมาณน้ำฝนที่ตกใส่หัวของคุณจึงคงที่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็ว ในการเคลื่อนที่ของคุณเลย...เราสามารถมองเรื่องนี้ได้อีกแบบหนึ่งก็คือ ให้เม็ดฝนนั้น อยู่นิ่ง ส่วนคุณ (รวมไปถึงพื้นโลกใต้เท้าคุณ) กำลังเคลื่อนที่ขึ้นไปปะทะกับน้ำฝนอยู่ และด้วยความที่ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน (รูปทรงสามมิติของสี่เหลี่ยมด้านขนาน) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ความลาดเอียงของมันเลย ดังนั้นน้ำฝนที่ตกใส่หัวของคุณในแต่ละวินาทีจึงมีปริมาตรคงที่ แม้ว่าคุณจะเคลื่อนที่ไปในแนวนอนเร็วแค่ไหนก็ตาม เอาล่ะ หากคุณไม่ได้เคลื่อนที่เลย คุณจะได้รับน้ำฝนที่ตกลงมาจากด้านบนเท่านั้น แต่ด้าหากคุณเริ่มเคลื่อนที่ คุณก็จะชนเข้ากับน้ำฝนจากด้านข้าง ทำให้คุณเริ่มเปียกมากขึ้น ดังนั้นในระยะเวลาหนึ่ง ๆ ตัวคุณจะแห้งที่สุดเมื่อคุณยืนอยู่นิ่ง ๆ และจะเปียกมากขึ้นตามความเร็วที่คุณเคลื่อนที่ แต่หากคุณต้องการจะเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง การยืนอยู่นิ่ง ๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งนั้น ความเร็วในการเคลื่อนที่ของคุณ จะไม่มีผลต่อปริมาตรของน้ำฝนที่คุณวิ่งชน - เหมือนกันกับการที่รถไถหิมะสามารถไถหิมะ ออกจากถนนเส้นหนึ่งได้ในปริมาตรเท่าเดิม ถึงแม้ว่ามันจะถูกขับด้วยความเร็วเท่าใดก็ตาม สำหรับในกรณีการวิ่งฝ่าฝน คุณสามารถคำนวณปริมาตรน้ำฝนที่ได้รับโดยการใช้ทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน ได้อีกเช่นกัน ในระยะเวลาใด ๆ ก็ตาม จะมีน้ำฝนที่ตกใส่หัวของคุณในปริมาตรที่คงที่ ไม่ว่าคุณจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าใดก็ตาม และในระยะทางใด ๆ ก็ตาม คุณจะวิ่งเข้าชนกับน้ำฝนในปริมาตรเท่าเดิม ถึงแม้ว่าคุณจะวิ่งชนมันด้วยความเร็วเท่าไรก็ตาม ดังนั้น ปริมาตรของความเปียกทั้งหมดที่คุณจะได้รับก็คือ (ปริมาณน้ำฝนที่ได้รับจากด้านบน คูณด้วยเวลาที่คุณตากฝน) บวกกับ (ปริมาณน้ำฝนจากด้านข้าง คูณด้วยระยะทางที่คุณเคลื่อนที่ในฝน) ดังนั้น หากคุณต้องการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งโดยต้องการให้เปียกน้อยที่สุด คุณควรจะลดปริมาณ น้ำฝนที่ตกใส่หัวของคุณให้น้อยที่สุด หรือถ้าให้พูดอย่างง่ายก็คือคุณควรจะเอาตัวเอง ออกจากฝนให้เร็วที่สุดนั่นเอง